หากจะพูดถึงการทำคอนเทนต์ในตลาดออนไลน์ นอกจากต้องสื่อสารให้เข้าใจแล้ว การทำคอนเทนต์ยังต้องเพิ่มประสิทธิภาพทางการตลาดของธุรกิจด้วย เช่น ยอดขายที่เพิ่มขึ้น ลูกค้าเก่ากลับมาซื้อซ้ำ ลูกค้าใหม่สนใจเพิ่มขึ้น ฯลฯ คำถามที่เกิดขึ้นคือ แล้วควรทำยังไงล่ะ เพื่อที่จะทำให้คอนเทนต์นั้นไม่ได้เป็นเพียงแต่ไม้ประดับ แต่กลายเป็นแก่นของการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น
การทำคอนเทนต์ในโลกออนไลน์นั้นสามารถสร้างกระแสได้ทั้งบวกและลบ จะทำให้แบรนด์เฉิดฉายหรืออาจทำให้ตกหลุม ก็อยู่ที่การสื่อสารของเรา อย่างแรกที่เราต้องรู้ก่อนส่งคอนเทนต์ออกไปสู่สายตาสาธารณชน คือ เป้าหมายหรือผลลัพท์ที่เราอยากให้เกิดขึ้นหลังจากนั้น เช่น อยากเป็นที่รู้จักมากขึ้น อยากเพิ่มยอดขาย หรืออยากสร้างภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์ หลังจากที่ตอบตัวเองได้แล้วว่าเป้าหมายของเราคืออะไร ก็ได้เวลาทำคอนเทนต์ที่ใช่ ให้ส่งไปถึงคนที่ใช่ได้เลย โดยมีทริคง่ายๆที่ควรรู้ไว้ 3 ข้อ
- เช็คเวลากันสักหน่อยคอนเทนต์ไหนควรลงเมื่อไรดี เวลาในที่นี้คือจังหวะเวลาที่เหมาะสมในการทำคอนเทนต์ ในช่วง 3 สัปดาห์แรก หากเราคือแบรนด์หน้าใหม่ ควรสร้างการรับรู้ให้กับกลุ่มเป้าหมายที่เกี่ยวกับธุรกิจก่อน รวมทั้งสร้างความน่าเชื่อถือ โดยอาจมีการทําบทความหรือวิดีโอเพื่อให้เกิดความรู้สึกมั่นใจในแบรนด์ แล้วถึงจะเริ่มทําคอนเทนต์ที่เน้นขายตามไป
- หาช่องทางที่ใช่เพื่อใช้แสดงคอนเทนต์ หรือพื้นที่ที่เราจะใช้ในส่งสารไปยังผู้รับ อย่างที่รู้กันว่า ช่องทางที่จะใช้ในการสื่อสารทางการตลาดออนไลน์นั้นมีอยู่เยอะแยะมากมาย และช่องทางเหล่านั้นมีคาแรคเตอร์ที่ต่างกัน รวมทั้งความแตกต่างของพฤติกรรมผู้ใช้งานที่แปรเปลี่ยนไปตามช่องทางที่พวกเขากําลังใช้งานอยู่ ทำให้คอนเทนต์ที่ถูกส่งออกไปจำเป็นต้องมีความแตกต่างกัน
- กำหนดคาแรคเตอร์ของแบรนด์ การสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ถือเป็นเรื่องสําคัญ อีกทั้งยังจะทําให้ คนจดจําและชื่นชอบคุณได้ไม่ยาก หากว่าคุณกําหนดคาแรคเตอร์ได้ดี ก็จะสามารถมัดใจกลุ่มเป้าหมายเหล่านั้นได้ดี
หลังจากนั้น เรามาดูรายละเอียดของการทำคอนเทนต์กันต่อ องค์ประกอบใดบ้างที่ต้องนึกถึงอยู่เสมอเมื่อทำคอนเทนต์เพื่อกระตุ้นยอดขายให้ดีขึ้น
1. เนื้อหาคอนเทนต์ต้องเป็นประโยชน์ ต่อกลุ่มเป้าหมาย
2. มีความชัดเจน เข้าใจทันทีว่าสื่อสารกับใคร อาจใช้คำที่ทันสมัยหรืออยู่ในเทรนด์ตอนนั้น
เมื่ออ่านหรือเห็นภาพ กลุ่มเป้าหมายของคุณจะต้องตระหนักรู้ทันทีว่าภาพหรือเนื้อหานั้น สื่อสารถึงพวกเขาโดยตรง พูดง่ายๆก็คือ อ่านปุ๊บสะดุดตาปั๊บรู้เลยว่ากําลังขายใคร
3. หลีกเลี่ยงเรื่องละเอียดอ่อน
ก่อนที่จะผลิตคอนเทนต์สักชิ้น ควรคํานึงถึงเนื้อหาที่ทําลงไปด้วยว่าจะกระทบกับคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ก่อให้เกิดความขุ่นเคืองใจ อับอาย หรือเกิดกระแสต่อต้านกับผู้ที่เราสื่อถึงในคอนเทนต์หรือไม่ร่วมด้วย ไม่ใช้ถ้อยคําทําร้ายจิตใจ คำพูดการล้อเลียน หรือการใช้ถ้อยคําโน้มน้าวให้คนรู้สึกเกลียดชังผู้อื่น ซึ่งในข้อนี้จะยิ่งมีต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ด้วย
4. ภาษาที่ใช้ถูกต้อง และมีความลื่นไหล
การเขียนผิด/ถูก มีส่วนในการสร้างความน่าเชื่อถือให้แบรนด์ ทั้งการใช้สํานวนภาษาเองก็มีส่วนสําคัญที่ทําให้ผู้รับสารตัดสินว่าแบรนด์คุณอยู่ระดับใด ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อแบรนด์จนทำให้ผู้อ่านเกิดความรําคาญ ไม่อยากอ่าน เพราะรู้สึกไม่สบายตา หงุดหงิดใจ
5. พยายามให้มีความแตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ
ไม่ว่าจะขายอะไรก็ตาม สิ่งสําคัญก็คือ เราจะต้องผลิตคอนเทนต์ที่ส่งสารไปให้กลุ่มเป้าหมายรับรู้ว่า แบรนด์ของเราแตกต่างและมีดีมากกว่าสินค้าหรือบริการชนิดอื่นๆในตลาดอย่างไร ให้เห็นถึงคุณสมบัติเด่นของสินค้า ที่ไม่มีแบรนด์ไหนสามารถทําได้
6. พยายามให้กลุ่มเป้าหมายมีปฏิกริยาตอบรับอยู่เสมอ
กระตุ้นให้เกิด Engagement หรือการมีส่วนร่วมบนแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็นจากแคปชั่นถามตอบ เล่มเกม โพล ฯลฯ อาจมีของรางวัลหรือไม่มีก็ได้
7. ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ให้หลากหลาย
8. โปรโมทโพสต์ที่เป็นโปรโมชั่นบ้างเพื่อกระตุ้นยอดขาย
เมื่อมีคอนเทนต์ที่ดีแล้ว ก็อย่าลืมโปรโมทโพสต์เหล่านั้นบนโซเชียลมีเดีย ซึ่งปัจจุบันในแต่ละแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างก็รองรับการลงโฆษณา ไม่ว่าจะเป็น Google Ads, Facebook Ads, Line Ads หรือกระทั่งน้องใหม่อย่าง Tiktok
การสื่อสารทางการตลาดออนไลน์นั้นจะต้องมีความคงเส้นคงวาของการสื่อสาร ซึ่งถือเป็นเรื่องสําคัญ การสร้างคอนเทนต์เองก็ถือเป็นการสร้างสะะพานเชื่อมสายสัมพันธ์อันดี ดึงดูดลูกค้าเข้ามาหาสินค้าเราด้วยความเชื่อ ความศรัทธา การทำคอนเทนต์ที่ตอบโจทย์ลูกค้าอยู่เสมอจะยิ่งทำให้ลูกค้าเกิดความสนใจ แต่เหนือสิ่งอื่นใดเมื่อลูกค้าเปิดใจให้กับแบรนด์แล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การทำสินค้าให้ดีมีคุณภาพและบริการที่ประทับใจ ทําอย่างนี้ได้ธุรกิจ เราจะเติบโตได้อย่างยั่งยืน
